Categories
ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

4 อาหารสร้างหน้าเด้ง ผิวใสไร้ริ้วรอย

4 อาหารสร้างหน้าเด้ง ผิวใสไร้ริ้วรอย

ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

วันสำคัญๆ ในชีวิตเรามีหลายครั้งนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเดตแรกสมัยเรียน วันรับปริญญา วันสัมภาษณ์งาน ไปงานแต่งเพื่อน หรือไปงานแต่งตัวเอง และอีกหลายๆ โอกาส นอกจากจะบำรุงขั้นสุดด้วยสารครีมที่มีแล้ว เราต้องสวยจากภายในเพื่อช่วยให้ภายนอกเปล่งประกายสดใสไร้ริ้วรอยให้ได้มากที่สุด ต้องทานอะไรบ้าง มาจดกันเลย…

tomato

 

 1.มะเขือเทศ tomatoistockphoto หลายคนโดยเฉพาะสาวๆ นีรู้จักกันดีกว่ามะเขือเทศเปรียบเหมือนนางฟ้ามี่เสกให้ผิวหน้าของเราใสไร้ริ้วรอยอย่างแท้จริง นอกจากสาวๆ หลายคนหันไปดื่มน้ำมะเขือเทศ หรือทานมะเขือเทศกันอย่างจริงจังแล้ว  ยังสามารถฝานบางๆ มามาส์กหน้าก่อนนอนได้อีกด้วย (ให้ซึมเข้าผิวทุกทิศทางกันไปเลย) ที่มะเขือเทศเสกผิวใสให้เราได้ เพราะมะเขือเทศมีไลโคปีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระให้กับผิว และร่างกายของเรานั่นเอง

 

salmon

 

2.แซลมอน salmonistockphoto ถูกใจคออาหารญี่ปุ่นแน่นอน เข้าร้านเมื่อไรอย่าลืมสั่งแซลมอน เพราะแซลมอนมีโอเมก้า 3 ที่นอกจากจะช่วยบำรุงสมองให้คิดแล่นฉับไวแล้ว ยังช่วยลดเลือกริ้วรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ รวมถึงลดอาการอักเสบของสิวได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแอสต้าแซนธิน และโปรตีนที่อิ่มท้องกำลังดี เหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับวันสำคัญจริงๆ

 

avocado

 

3.อโวคาโด avocadoistockphoto แม้จะมีราคาอยู่สักหน่อย แต่หามาทานสักลูกสองลูกช่วงใกล้วันสำคัญก็ไม่เลวนะ เพราะอโวคาโดเปี่ยมไปด้วยไขมันที่ดีต่อร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง มีน้ำมีนวล ลดเลือนริ้วรอย แถมยังมีสารอาหารดีๆบำรุงสมอง และร่างกายอีกเพียบ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี  วิตามินอี เป็นต้น

 

strawberry

4.สตอเบอร์รี่ strawberryistockphoto ลองปิดท้ายมื้ออาหารก่อนวันสำคัญด้วยสตอเบอร์รี่ดูสิ เพราะนอกจากสตอเบอร์รี่จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ พร้อมวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวมากมายแล้ว เนื้อสัมผัสของสตอเบอร์รี่ยังช่วยขัดฟันให้ขาวสะอาดวิ๊งอีกด้วย ไม่ว่าจะงานไหนๆ อาหารเหล่านี้ช่วยได้มากแน่นอนค่ะ แต่ที่สำคัญก่อนวันสำคัญต้องดื่มน้ำเยอะๆ และพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ ทีนี้ก็ทำใจให้สบาย พร้อมลุยได้ทุกสถานการณ์แน่นอนค่ะ

 

แต่ถ้าหากสาวๆ กำลังประจำเดือนไม่มาอยู่ล่ะก็ ลองเข้าไปดูตามนี้นะคะ

ประจำเดือนไม่มา

© 2020 ยาสตรี.com – All rights reserved.

Categories
ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

“ยาคุมฉุกเฉิน”

“ยาคุมฉุกเฉิน”

ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

การวางแผนและเตรียมการเป็นอย่างดี เป็นสิ่งที่ทั้งหญิงและชายควรทำ เพื่อคุมกำเนิด ไม่ตั้งครรภ์เมื่อยังไม่พร้อมนะคะ แต่หากวันดีคืนดีเกิดพลาด หรือลืมขึ้นมา วิวัฒนาการทางการแพทย์ยังพอจะช่วยคุณได้บ้าง นั่นคือ “ยาคุมฉุกเฉิน” นั่นเอง แต่ใช่ว่ายาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินจะใช้ได้เลยโดยไม่ต้องระมัดระวังอะไร

 4 ข้อต้องรู้ ก่อนใช้ “ยาคุมฉุกเฉิน” กันค่ะ 

1. ยาคุมฉุกเฉิน ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% หรอกนะ ถ้าเอาตัวเลขแม่นๆ ก็ทำได้เพียง 75-89% เท่านั้น แถมยังไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย 

2. ยาคุมฉุกเฉิน คือมันต้องฉุกเฉินจริงๆ ควรทานยาเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือถ้ายังไม่ได้เตรียมไว้ ก็รีบวิ่งไปซื้อมาทานภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากทานยาเม็ดแรกไป 12 ชั่วโมง ก็ทานยาอีกเม็ด Advertisement 

3. ยาคุมฉุกเฉิน 1 กล่อง ทานตามเวลาที่กำหนดให้หมดกล่อง อย่าลืมเม็ดใดเม็ดหนึ่งเป็นอันขาด และอย่าทานเกิน 2 กล่องภายใน  1 เดือน ให้ทานเฉพาะที่ฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น 

4. ยาคุมฉุกเฉิน อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน  หลังจากทานยาไป 2 ชั่วโมง ก่อนทานควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ถึงแม้การรู้จักคุมกำเนิดเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ควรทำจริงๆ หรือมีเพศสัมพันธ์เมื่อพร้อมจะดีกว่า นอกจากนี้การคุมกำเนิดด้วยยาคุมกำเนิดแบบปกติ และการให้ฝ่ายชายใช้ถึงยางอนามัย นอกจากจะป้องกันการคุมกำเนิดได้มากกว่าแล้ว ยังป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย

 

แต่ถ้าหากสาวๆ กำลังประจำเดือนไม่มาอยู่ล่ะก็ ลองเข้าไปดูตามนี้นะคะ

ประจำเดือนไม่มา

© 2020 ยาสตรี.com – All rights reserved.

Categories
ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

วิธีเร่ง “ประจำเดือน” ให้มาเร็วขึ้น ปลอดภัย-ได้ผลจริง

วิธีเร่ง “ประจำเดือน” ให้มาเร็วขึ้น ปลอดภัย-ได้ผลจริง

ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

การมีประจำเดือนถือเป็นเรื่องปกติของผู้หญิง แต่บางคนก็อาจประสบปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย ไม่ก็ประจำเดือนมาช้า หรือบางคนอาจประจำเดือนขาด จนคิดว่าตั้งครรภ์ซะอีก แต่ปัญหาประจำเดือนเหล่านี้ สามารถแก้ไขเองเบื้องต้นได้ ด้วย วิธีเร่งประจำเดือน ที่เรานำมาฝาก รับรองว่าได้เห็นผลแน่นอน สาเหตุที่ประจำเดือนมาช้า 

โดยปกติแล้ว รอบประจำเดือนจะอยู่ที่ 21-35 วัน แต่บางคนอาจเจอปัญหาประจำเดือนไม่มาตามปกติ หรือที่เรียกว่า ภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea) ซึ่งหากเป็นผู้หญิงที่อายุเกิน 15 ปีแล้ว แต่ประจำเดือนครั้งแรกยังไม่มา หรือผู้หญิงที่ประจำเดือนไม่มาเกิน 3 เดือนติดต่อกัน จะถือว่ามีภาวะขาดประจำเดือน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาช้า หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจเกิดจาก ความเครียด น้ำหนักตัวน้อยเกินไป หรือมากเกินไป

 มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome หรือ PCOS) การคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมน มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคเซลิแอค (Celiac Disease) ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ เข้าสู่วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน (Menopause) ตั้งครรภ์ วิธีเร่งประจำเดือน ให้มาเร็วขึ้น หากประจำเดือนของคุณมาช้า หรือคุณมีความจำเป็นต้องเร่งประจำเดือนให้มาเร็วกว่าปกติ เรามีวิธีเร่งประจำเดือนให้มาเร็วขึ้น และทำได้ง่าย ๆ มาฝาก ดังนี้

-วิตามินซี บางคนเชื่อว่าวิตามินซี หรือกรดแอสคอร์บิกช่วยเร่งประจำเดือนได้ เนื่องจากวิตามินซีจะเพิ่มช่วยเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจน และยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งจะส่งผลให้มดลูกหดรัดตัว ผนังมดลูกบางลง และเร่งให้ประจำเดือนมาได้ คุณสามารถเพิ่มวิตามินซีได้ด้วยการกินผักผลไม้ เช่น ผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้ม มะนาว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ บร็อคโคลี่ ปวยเล้ง ฝรั่ง มะเขือเทศ พริกหยวกเขียว พริกหยวกแดง หรือหากกินวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริม ก็ต้องระมัดระวังให้ดี อย่ากินมากไป เพราะอาจเป็นอันตรายได้ 

-กินสัปปะรด สัปปะรดมีโบรมีเลน (bromelain) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เชื่อว่าส่งผลต่อฮอร์โมนต่างๆ รวมถึงเอสโตรเจนด้วย โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งในปี 2007 เผยว่า โบรมีเลนอาจช่วยลดการอักเสบ จึงอาจช่วยแก้ปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติเนื่องจากการอักเสบได้ 

-กินพาร์สลีย์ พาร์สลีย์ (Parsley) คือสมุนไพรที่นิยมใช้ในเมนูอาหารตะวันตก ลักษณะคล้ายผักชีแต่ใบหยิกกว่า พาร์สลีย์อุดมไปด้วยวิตามินซี และเอพิออล (apiol) ซึ่งอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก คุณอาจเอาใบพาร์สลีย์มาทำเป็นน้ำชาดื่ม โดยนำใบพาร์สลีย์สด 2-3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำร้อน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีค่อยดื่ม อย่างไรก็ดี การได้รับเอพิออลมากเกินไปอาจเป็นพิษได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้หญิงในระยะให้นม หรือผู้หญิงที่ไตมีปัญหา จึงควรบริโภคอย่างระมัดระวัง

– ผ่อนคลายบ้าง บางครั้งปัญหาประจำเดือนมาช้า หรือประจำเดือนขาดที่คุณประสบ อาจเป็นผลมาจากความเครียด เพราะเมื่อคุณเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนบางชนิด เช่น คอร์ติซอล อะดรีนาลีน ออกมามาก  ฮอร์โมนเหล่านี้จะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ที่ช่วยให้รอบเดือนเป็นปกติฉะนั้น หากคุณเครียดก็ควรหาเวลาพักผ่อน หรือคลายเครียดบ้าง จะออกกำลังกาย เล่นโยคะ ใช้เวลากับเพื่อนหรือครอบครัว ทำงานให้น้อยลง ทำงานอดิเรก ฝึกสมาธิ หรือทำกิจกรรมคลายเครียดแบบไหนก็แล้วแต่คนชอบ หรือหากเครียดมากจนวิธีดังกล่าวไม่ช่วยให้หายเครียดได้ ก็อาจต้องปรึกษาคุณหมอ และอาจต้องกินยาคลายเครียด

– ประคบร้อน หรืออาบน้ำอุ่น การอาบน้ำอุ่น หรือประคบร้อนบริเวณหน้าท้อง จะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว และช่วยผ่อนคลายความเครียดทางอารมณ์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนของคุณผิดปกติ ความร้อนไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณผ่อนคลาย แต่ยังอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และค่อยๆ ช่วยเร่งให้ประจำเดือนมาได้ 

– มีเซ็กส์ คุณอาจยังไม่รู้ว่า กิจกรรมทางเพศช่วยกระตุ้นให้ประจำเดือนมาได้ การถึงจุดสุดยอด หรือออกัสซั่ม (orgasm) ไม่ว่าจะมีการสอดใส่หรือไม่มีก็ตาม จะทำให้ปากมดลูกขยายตัว และอาจช่วยให้เลือดประจำเดือนหลั่งออกมาได้ นอกจากนี้ การมีเซ็กส์แบบพอดี ยังช่วยคลายเครียด และช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือนทั้งสิ้น 

– ออกกำลังกายให้น้อยลง หากคุณออกกำลังกายหนัก ประหนึ่งเป็นนักกีฬามืออาชีพ คุณอาจต้องเพลาการออกกำลังกายลงบ้าง เนื่องจากการออกกำลังกายหนักเกินไป จะทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง จนประจำเดือนผิดปกติ มาช้า หรือประจำเดือนไม่มาได้ 

– ใช้ยาคุมกำเนิด หากคุณมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติเรื้อรัง วิธีเร่งประจำเดือนที่กล่าวมา อาจไม่ได้ผล และคุณอาจต้องใช้การคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมน เพื่อควบคุมระดับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย และทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ อย่างไรก็ดี การเร่งประจำเดือนด้วยการคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมนอาจมีผลข้างเคียง ฉะนั้นจึงควรปรึกษาคุณหมอก่อนตัดสินใจใช้วิธีเร่งประจำเดือนวิธีนี้

– ลดน้ำหนัก น้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงสามารถส่งผลกระทบต่อการมีประจำเดือนได้ หากคุณน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ก็อาจทำให้ร่างกายขาดไขมันซึ่งจำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมนบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือน จึงส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และบางคนถึงขั้นประจำเดือนไม่มาเลยก็มี ไม่ใช่แค่น้ำหนักน้อย คนที่น้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือเป็นโรคอ้วนก็สามารถส่งผลต่อฮอร์โมนและการมีประจำเดือนได้เช่นกัน คุณควรควบคุมน้ำหนักในอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี กินอาหารที่มีประโยชน์ อย่าควบคุมอาหาร หรือออกกำลังกายจนเกินพอดี เพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ

 

#ความเสี่ยงของการเร่งประจำเดือนที่ควรรู้

 วิธีเร่งประจำเดือน ที่เราแนะนำข้างต้น ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายต่อผู้หญิงในวัยผู้ใหญ่ที่สุขภาพดี แต่หากคุณมีอาการแพ้อาหาร แพ้ยา หรือสมุนไพรบางชนิด ก็อาจต้องระวังหรือหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นๆ แม้จะช่วยเร่งประจำเดือนได้ก็ตาม  แล้วหันไปใช้วิธีเร่งประจำเดือนวิธีอื่นที่ปลอดภัยกว่าแทน ใครอยากซื้อสมุนไพร หรืออาหารเสริมที่ช่วยเร่งประจำเดือนมากิน ก็ควรปรึกษาคุณหมอให้ดีก่อน การคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมนก็อาจไม่เหมาะกับบางคน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด โรคหลอดเลือดสมอง หรือหัวใจวายได้ และผู้ที่สูบบุหรี่ หรืออายุเกิน 35 ปี ก็ยังมีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดมากกว่า ฉะนั้น ก่อนใช้วิธีเร่งประจำเดือนด้วยยาคุม ควรปรึกษาคุณหมอ และทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ หากคุณสงสัยว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ ก็ควรปรึกษาคุณหมอก่อนจะเร่งประจำเดือน โดยเฉพาะหากจะเร่งประจำเดือนด้วยยาคุมกำเนิด หรือยาขับประจำเดือน ที่นิยมเรียกกันว่ายาสตรี เพราะอาจทำให้แท้งลูกได้

#ประจำเดือนมีปัญหาแบบนี้ ควรไปพบคุณหมอ 

ปัญหาประจำเดือนไม่มา หรือประจำเดือนผิดปกติ อาจเป็นผลจากสภาวะโรคบางประการ ดังนั้น หากคุณมีอาการหรือภาวะเกี่ยวกับประจำเดือนดังต่อไปนี้ อย่านิ่งนอนใจ ควรไปพบคุณหมอ สงสัยว่าอาจตั้งครรภ์ ประจำเดือนไม่มา 3 เดือนติดต่อกัน หมดประจำเดือนก่อนอายุ 45 ปี อายุเกิน 55 ปีแล้วยังมีประจำเดือน เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนเปลี่ยนแปลงฉับพลัน เช่น ประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือเอาแน่เอานอนไม่ได้ มีภาวะเลือดออกหลังวัยหมดระดู (Postmenopausal bleeding) คือ มีเลือดออกติดต่อกันนานกว่า 12 เดือนหลังเข้าสู่วัยทอง เลือดออกขณะเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน (Hormone replacement therapy)

 

แต่ถ้าหากสาวๆ กำลังประจำเดือนไม่มาอยู่ล่ะก็ ลองเข้าไปดูตามนี้นะคะ

ประจำเดือนไม่มา

© 2020 ยาสตรี.com – All rights reserved.

Categories
ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

“ประจำเดือน” ผิดปกติ สาเหตุของโรคอะไรบ้าง?

“ประจำเดือน” ผิดปกติ สาเหตุของโรคอะไรบ้าง?

ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

“ประจำเดือน” คือเยื่อบุของโพรงมดลูกที่หลุดออกมาทุกรอบเดือนของผู้หญิง ในปกติผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์จะมีรอบเดือนทุกๆ 21-35 วัน และแต่ละรอบจะยาวนานราว 2-7 วัน หากประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีความผิดปกติอะไรบ้างอย่าง อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ได้ เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เป็นอย่างไร?

 

 รศ.นพ.สุรสิทธิ์ ชัยทองวงศ์วัฒนา แพทย์ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด สามารถแบ่งผู้ป่วยได้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ยังไม่ควรจะมีประจำเดือน เช่น เด็ก หรือวัยรุ่นผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำเดือน กับ กลุ่มผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ในสองกลุ่มนี้ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอด ถือว่ามีความผิดปกติ สำหรับกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ เลือดประจำเดือนที่ผิดปกติ อาจพบได้ ดังนี้ 

 

เลือดประจำเดือนมีปริมาณมากกว่าปกติ ทั้งในแง่ของปริมาณ และระยะเวลาที่มีประจำเดือน มีเลือดออกมานอกรอบประจำเดือน สาเหตุของเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด รังไข่ทำงานผิดปกติ ใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนผู้หญิงทดแทนในวัยหมดประจำเดือน ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ โรคติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ เช่น โรคเนื้องอกในมดลูกที่สามารถพบได้บ่อย รวมถึงมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน 

 

เลือดออกผิดปกติในช่องคลอดอย่างไร ควรมาพบแพทย์ ผู้หญิงที่ไม่มีประจำเดือน (ยังไม่มี หรือหมดแล้ว) แต่มีเลือดออกทางช่องคลอด เช่น ในเด็ก หรือผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ มีประจำเดือนปกติ แต่มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือนด้วย หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีประจำเดือนในปริมาณที่มากขึ้น หรือมีระยะเวลาของประจำเดือนนานขึ้น 

สังเกตได้จากการที่ใช้ผ้าอนามัยมากกว่า 4 แผ่นชุ่มๆ ต่อวัน หรือมีประจำเดือนในแต่ละรอบมากกว่า 7 วัน ซึ่งทำให้มีอาการเหนื่อย เพลีย หลังมีประจำเดือนจากภาวะโลหิตจางได้ การตรวจวินิจฉัยโรค เมื่อมีเลือดออกผิดปกติในช่องคลอด แพทย์จะทำการซักประวัติถึงอาการที่เป็นอยู่เพื่อหาสาเหตุอย่างคร่าวๆ จากนั้นในบางรายที่มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ แพทย์อาจขอตรวจภายใน และอาจจะต้องมีการตรวจเซลล์ของปากมดลูกที่เรียกว่า Pap smear

 

 เพื่อตรวจคัดกรองภาวะมะเร็งปากมดลูก (แนะนำให้ตรวจทุกๆ 2-3 ปี ในกลุ่มที่ไม่มีความเสี่ยง แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ติดเชื้อ HIV แพทย์จะแนะนำให้ตรวจทุกปี) ในบางกรณี แพทย์อาจขอตรวจเยื่อบุโพรงมดลูก โดยการขูดมดลูก หรือเอาเซลล์ของมดลูกมาตรวจ ในกรณีที่แพทย์อาจสงสัยว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นเนื้องอกหรือไม่ แพทย์อาจขอตรวจอัลตร้าซาวนด์ หรือที่เรียกว่าการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และในกรณีที่จะตรวจระดับฮอร์โมน 

 

แพทย์อาจขอเจาะเลือดตรวจ ซึ่งนอกจากจะตรวจระดับฮอร์โมนแล้ว ยังสามารถตรวจภาวะโลหิตจางได้ด้วย การรักษาภาวะเลือดออกผิดปกติในช่องคลอด ถ้าอาการที่เกิดขึ้นเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของรังไข่ แพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานยา เพื่อควบคุมการทำงานของรังไข่ แต่ถ้ามีเนื้องอกในมดลูก หรือมีมะเร็งของระบบสืบพันธุ์ อาจรักษาด้วยการผ่าตัด หรือใช้รังสีรักษา

 

แต่ถ้าหากสาวๆ กำลังประจำเดือนไม่มาอยู่ล่ะก็ ลองเข้าไปดูตามนี้นะคะ

ประจำเดือนไม่มา

© 2020 ยาสตรี.com – All rights reserved.

Categories
ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

วิธีดูแล “น้องสาว” ให้ปลอดภัยจากเชื้อรา

วิธีดูแล “น้องสาว” ให้ปลอดภัยจากเชื้อรา

ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

“น้องสาว” หรือที่จริงๆ แล้วเราหมายถึง “อวัยวะเพศหญิง” มีความเสี่ยงที่จะเกิดเชื้อราขึ้นได้ง่ายกว่าที่ทุกคนคิด รศ. นพ.อรรณพ ใจสำราญ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า เป็นเพราะประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนชื้น ส่งผลให้จุดซ่อนเร้นของผู้หญิงต้องเผชิญความอับชื้น และทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี นอกจากนี้ ผู้หญิงบางคนอาจมีความเสี่ยงเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้มากกว่าปกติอีกด้วย เช่น หญิงตั้งครรภ์ ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ใช้ยาปฏิชีวนะ ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นโรคเบาหวาน เป็นต้น

16 วิธี ดูแลน้องสาว ให้มีความสุข สะอาดและสุขภาพดี ไม่มีกลิ่นกวนใจ!

อาการเชื้อราในช่องคลอด มีอาการคัน แสบ มีตกขาวมากผิดปกติ และตกขาวสีขาวขุ่นเหมือนแหวะทารก สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัยตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่ 

การดูแล และรักษาเชื้อราในช่องคลอด ใช้ยาชนิดรับประทาน หรือแบบสอดช่องคลอด ล้าง และทำความสะอาด ไม่ให้บริเวณจุดซ่อนเร้นเสียสมดุล ห้ามสวน เพราะจะเป็นการทำลายสมดุลของสภาวะในช่องคลอด ไม่สวมกางเกงรัดรูปจนเกินไป เพราะทำให้เกิดการอับชื้น ระบายอากาศได้ไม่ดี ไม่ควรใช้สบู่ที่มีฤทธิ์เป็นด่างในการล้างทำความสะอาด

 เพราะด่างจะไปทำลายกรดแลคติกบริเวณช่องคลอด การเป็นเชื้อราไม่เกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูก เพียงก่อให้เกิดความรำคาญจนคัน และเกาเป็นแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้

 

แต่ถ้าหากสาวๆ กำลังประจำเดือนไม่มาอยู่ล่ะก็ ลองเข้าไปดูตามนี้นะคะ

ประจำเดือนไม่มา

 

© 2020 ยาสตรี.com – All rights reserved.

Categories
ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

ซีสต์ คืออะไร ?

ซีสต์ คืออะไร ?

ความรู้เกี่ยวกับยาสตรี

ซีสต์ (Cyst) คือถุงน้ำที่เกิดขึ้นบนเนื้อเยื่อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีลักษณะคล้ายถุงหรือเม็ดแคปซูลที่อยู่ติดกัน โดยภายในซีสต์มักบรรจุของเหลว ของแข็งกึ่งของเหลว หรืออากาศไว้ โดยมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และมักค่อย ๆ ขึ้น ซีสต์ที่ขึ้นบนผิวหนังจะมีลักษณะนูน ส่วนซีสต์ที่ขึ้นใต้ผิวหนังอาจจะคลำได้เป็นก้อน และซีสต์ที่ขึ้นที่อวัยวะภายใน อาจไม่ปรากฏอาการใด ๆ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกว่ามีซีสต์ขึ้นมาภายในร่างกายตัวเอง

ซีสต์

นอกจากนี้ ซีสต์ที่ขึ้นตามร่างกายจะไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดและไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงหากซีสต์นั้นไม่ได้ติดเชื้อ มีขนาดใหญ่ หรือขึ้นในบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก เนื่องจากซีสต์สามารถขึ้นได้ทุกส่วนของเนื้อเยื่อตามร่างกาย ซีสต์จึงมีกว่าร้อยชนิด ที่พบบ่อย ได้แก่ 

– ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนัง (Sebaceous Cyst) ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังหรือที่เรียกอีกชื่อว่าอีพิเดอร์มอยด์ซีสต์ (Epidermoid Cysts) เป็นปุ่มเนื้อนูนเล็ก ภายในบรรจุน้ำมันสีเหลืองเรียกว่าเซบัม (Sebum) ซีสต์ไขมันใต้ผิวหนังเกิดจากต่อมไขมันที่สร้างน้ำมันมาหล่อเลี้ยงผิวหนังและเส้นผมได้รับความเสียหาย โดยซีสต์นี้มักขึ้นบริเวณที่มีรูขุมขนและต่อมไขมัน เช่น องคชาติ หน้าอก หรือหลัง ผู้ป่วยบางรายอาจป่วยเป็นซีสต์ชนิดนี้เพราะได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากโรคการ์ดเนอร์ซินโดรม (Gardner’s Syndrome) ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก

– ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือ (Ganglion Cyst) ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือหรือถุงน้ำเยื่อหุ้มข้อ (Synovial Cyst) มักขึ้นที่มือและข้อมือ และอาจลามไปยังเท้าด้วย นอกจากนี้ ก้อนถุงน้ำที่ข้อมือยังมีแนวโน้มเกิดขึ้นตามแนวเอ็นและปลอกหุ้มเอ็น (Tendon Sheath) มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

-ถุงน้ำรังไข่ (Ovarian Cyst/Adnexal Cysts) คือของเหลวที่สะสมอยู่ภายในหรือบนพื้นผิวของรังไข่ โดยถุงน้ำรังไข่มีหลายประเภท ที่พบได้ทั่วไปคือถุงน้ำรังไข่ธรรมดา (Functional Cyst) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ซีสต์ถุงน้ำที่รังไข่ (Follicle Cyst) และซีสต์ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม (Corpus Luteum Cyst)

แบบที่ 1 ซีสต์ถุงน้ำที่รังไข่ (Follicle Cyst) ช่วงที่ผู้หญิงเกิดรอบเดือนนั้น ไข่จะเจริญขึ้นในถุงน้ำซึ่งเรียกว่าฟอลลิเคิล โดยถุงน้ำนี้อยู่ภายในรังไข่ ส่วนใหญ่แล้ว ถุงน้ำจะแตกออกและปล่อยไข่ออกมา แต่หากถุงน้ำไม่แตกออกมา ของเหลวที่อยู่ภายในถุงน้ำจะก่อตัวเป็นซีสต์ภายในรังไข่

แบบที่ 2 ซีสต์ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม (Corpus Luteum Cyst) ปกติแล้ว ถุงน้ำมักละลายหลังจากที่ปล่อยไข่ออกมา แต่หากถุงน้ำไม่ละลายและถุงน้ำไม่เปิดออก จะเกิดการสะสมของเหลวภายในถุงน้ำ ก่อให้เกิดซีสต์ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม

 

แต่ถ้าหากสาวๆ กำลังประจำเดือนไม่มาอยู่ล่ะก็ ลองเข้าไปดูตามนี้นะคะ

ประจำเดือนไม่มา

© 2020 ยาสตรี.com – All rights reserved.