- ผ่อนคลาย ไม่เครียด ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประจำเดือนขาดได้ ควรพยายามทำร่างกาย และจิตใจให้ผ่อนคลาย อาจจะไปเที่ยว ทำงานน้อยลง ทำจิตใจให้สบาย ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
- หมั่นสังเกตร่างกาย เมื่อประจำเดือนเริ่มหายไปแม้เพียงเดือนเดียว ควรเริ่มจดบันทึกเพื่อดูว่าประจำเดือนหายไป หรือแค่มาช้ากว่ากำหนด และคอยสังเกตความผิดปกติของร่างกาย เช่น มีน้ำนมไหลออกมาทั้งที่ไม่ตั้งครรภ์หรือไม่ มีอาการปวดท้องผิดปกติ มีขน มีหนวดขึ้นผิดปกติ หรือไม่
- ไม่หักโหมออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายด้วยความเหมาะสม ไม่ออกกำลังกายหนัก หรือมากเกินไป โดยเฉพาะหากเป็นผู้หญิงที่ผอม มีไขมันน้อย อาจจะเน้นการออกกำลังกายที่เน้นการเพิ่มกล้ามเนื้อ แทนการออกกำลังกายที่ออกแรงเยอะ ๆ เพื่อลดไขมัน เช่น อาจจะโยคะ แทนการวิ่ง
- ควบคุมน้ำหนัก ให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์เหมาะสม ไม่อ้วนไป หรือผอมไป หากรู้ตัวว่าผอม หรือมีสัดส่วนไขมันในร่างกายน้อย ควรรับประทานอาหารเพื่อเพิ่มน้ำหนัก เน้นอาหารที่เพิ่มไขมันดี หรือหากน้ำหนักตัวเยอะ อาจจะค่อย ๆ ลดน้ำหนัก แต่ไม่ควรอดอาหาร หรือลดน้ำหนักเร็วเกินไป
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ รับประทานให้ครบ 3 มื้อ และ เน้นอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาจจะเน้นอาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม เพิ่มขึ้น
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เป็นต้น
- พบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย นอกจากการปรับพฤติกรรมแล้ว หากประจำเดือดขาดหายไป ควรไปพบแพทย์ หรือ สูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติที่ประจำเดือนหายไป ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เพื่อตรวจรักษา โดยแพทย์จะซักประวัติ ตรวจภายใน อัลตราซาวด์ ตรวจดูระดับฮอร์โมน ฯลฯ
ประจำเดือนขาด ควรรักษาอย่างไร?
การรักษา ภาวะประจำเดือนขาด นั้น รักษาได้หลายวิธี โดยต้องหาสาเหตุให้พบว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เช่น
1.กินยาฮอร์โมนเสริม หากเกิดจากสาเหตุเช่น ผอมเกินไป อ้วนเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่ใช่ความผิดปกติหรือเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ เบื้องต้นเพื่อให้ประจำเดือนมาปกติ คุณหมออาจจ่ายยาฮอร์โมน ซึ่งเป็นตัวยาเดียวกับยาเลื่อนประจำเดือนที่เราคุ้นเคย ซึ่งเมื่อกินยาแล้ว จะทำให้ประจำเดือนมาได้ โดยอาจให้กินยาเป็นประจำในช่วงเดียวกันของทุก ๆ เดือน ประมาณ 6 เดือน เพื่อให้ประจำเดือนมาปกติ ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกมา และหลังจากนั้นให้ลองดูว่าประจำเดือนมาได้เองโดยไม่จำเป็นต้องกินยาหรือไม่
2.กินยาคุมกำเนิด หากมีความผิดปกติ เช่น ถุงน้ำรังไข่หลายใบ แพทย์อาจจ่ายยาคุมกำเนิดแบบเม็ด หรือยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพื่อช่วยรักษาอาการ
3.รักษาอาการป่วยอื่น ๆ หากตรวจวินิจฉัยแล้ว พบว่าการขาดหายไปของประจำเดือนเกิดจากความผิดปกติ เช่น เนื้องอกต่อมใต้สมอง มีมดลูกผิดปกติ ก็รักษาโรค หรือ อาการเจ็บป่วยนั้น ๆ เมื่อรักษาหายแล้ว ประจำเดือนก็จะกลับมาได้ตามปกติ

4.กิน “ยาสตรี“ สามารถช่วยรักษาอาการประจำเดือนขาด ประจำเดือนไม่มา ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ เพราะ “ยาสตรี” มีสรรพคุณเป็นยาฟอกเลือด บำรุงธาตุ บำรุงเลือด ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส ยาสตรีฟลอร่า ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาของผู้หญิง ค่ะ
อาการประจำเดือนขาด ในลักษณะใดที่ควรไปพบแพทย์ทันที
สำหรับการขาดประจำเดือนหรือประจำเดือนไม่มา 1 เดือน อาจจะไม่มีสาเหตุให้ต้องกังวลมากนัก อาจเกิดจากความเครียด การออกกำลังกายมากเกินไป หรือกินอาหารไม่เพียงพอ แต่หากขาดประจำเดือนนานกว่านั้น หรือขาดประจำเดือน 3 รอบขึ้นไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ได้เกิดจากอาการเจ็บป่วยใดๆ ที่ทราบอยู่แล้ว หรือเกิดการตั้งครรภ์ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็ก รวมถึงมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
- ปวดศีรษะ
- การมองเห็นเปลี่ยนไป มองไม่ชัด ตาพร่า
- มีไข้
- ผมร่วง
- อาเจียน
- หน้าอกเปลี่ยนแปลง หรือมีการผลิตน้ำนม
นอกจากนี้หากมีลักษณะที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติอื่นๆ ทำให้ประจำเดือนไม่มาควรไปพบแพทย์ทันที คือ เด็กผู้หญิงที่อายุประมาณ 13-15 ปีและเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้วแต่ประจำเดือนไม่มา โดยไม่มีการพัฒนาทางร่างกายร่วมด้วย เช่น หน้าอกไม่ขยาย ไม่มีขนขึ้นที่อวัยวะเพศ ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก :
https://www.doctorraksa.com/th-TH/blog/missed-period.html
https://www.sanook.com/health/19449/